ถาม-ตอบ

ระบบ New e-Filing

ระบบยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์ระบบใหม่ หรือ New e-Filing เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
ระบบ e-Filing เดิม ใช้ได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 และเริ่มใช้ New e-Filing ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2564
ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2564 พร้อมให้บริการ New e-Filing ทุกประเภทแบบ ยกเว้นแบบ ภ.ง.ด.93 และแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และแบบภาษีการรับมรดก

โปรแกรม RD Prep

โปรแกรม RD Prep คือโปรแกรมจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการยื่นแบบด้วยวิธีการบันทึกหรือวิธีการโอนย้ายข้อมูลใบแนบแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีมีไฟล์ข้อมูลที่จัดเตรียมจากโปรแกรมอื่นๆ ที่นามสกุล.txt หรือนามสกุล .csv ผู้เสียภาษีสามารถนำมาเตรียมเพื่อการยื่นแบบด้วยวิธีการโอนย้าย ด้วยโปรแกรม RD Prep ได้
เป็นการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลที่บันทึกไว้ผ่านโปรแกรม RD Prep เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลได้ ซึ่งโปรแกรมไม่ได้บังคับให้ตั้งค่ารหัส PIN
ปัญหาจาก Security Check Certificate ของไฟล์ ต้องให้ทาง IT ของบริษัทนั้นปลดโปรแกรม RD Prep จาก list Unknown Publisher
หากระบบปฏิบัติการ (OS)เป็น Windows 7 Ultimate จะพบปัญหาหน้าจอขาวไม่ สามารถใช้งานได้ หากเป็น Windows 7 Enterprise จะสามารถใช้งานได้
ขึ้นอยู่กับค่ายของ Firewall ที่แจ้งเตือน ให้ผู้เสียภาษีเลือก อนุญาต ให้ติดตั้งโปรแกรม
ไม่จำเป็น ผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบออนไลน์ ที่ระบบ New e-Filing ได้ ทั้งนี้โปรแกรม RD Prep เหมาะสำหรับกรณีที่ แบบ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด. 2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 มีจำนวนรายการผู้มีเงินได้จำนวนมาก หรือ ภ.พ.30 ภ.ธ.40 ที่มีสาขาจำนวนมาก
ผู้เสียภาษีสามารถเรียกดูไฟล์ข้อมูลของเดือนก่อนมาแก้ไขและใช้ในเดือนถัดไปได้ โดยไม่ต้องบันทึกข้อมูลใหม่ โดยการเลือกขั้นตอน ดังนี้
      1) เลือกบันทึกข้อมูลแบบ เลือกแบบที่ต้องการ จะปรากฏข้อมูลที่เคยบันทึกไว้กดปุ่มคัดลอก
      2) เลือกเดือน/ปีภาษีปัจจุบัน และวันเดือนปีที่จ่ายเงินได้ กดตกลง
      3) โปรแกรมจะแสดงรายการของเดือน/ปีภาษีปัจจุบันขึ้นมาให้
      4) ทำการแก้ไข หรือ เพิ่ม รายการตามความต้องการ และตรวจสอบความถูกต้องก่อนกดบันทึกและสร้างไฟล์ข้อมูล
      5) โปรแกรมจะจัดเก็บไฟล์เป็นนามสกุล .rdx เลือกที่จัดเก็บไฟล์และห้ามเปลี่ยนชื่อไฟล์ เพื่อนำไปยื่นในระบบ New e-Filing
เมื่อผู้เสียภาษีทำการแปลงไฟล์ข้อมูล หรือบันทึกข้อมูล และได้ไฟล์นามสกุล .rdx เรียบร้อยแล้ว ให้ผู้เสียภาษีเข้าสู่ระบบยื่นแบบออนไลน์ด้วยหมายเลขผู้ใช้และรหัสผ่าน แล้วเลือก เมนูยื่นแบบ เลือก upload ไฟล์ข้อมูลแบบ
แนะนำให้ copy ไฟล์มาไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม RD Prep เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่อง Server
ไฟล์นามสกุลที่โปรแกรม RD Prep รองรับสำหรับการโอนย้ายข้อมูลคือ .txt และ .csv
ระบบ New e-Filing รองรับไฟล์ที่ใช้ในการ upload เพื่อยื่นแบบออนไลน์ 2 นามสกุลเท่านั้นคือ
      1) นามสกุล .rdx ได้จากการบันทึกหรือโอนย้ายข้อมูลด้วยโปรแกรม RD Prep
      2) นามสกุล .xml ได้จากโปรแกรมทำบัญชีทั่วไปซึ่งสามารถพัฒนาโปรแกรมให้สามารถ export ไฟล์ได้ตามข้อกำหนดทางเทคนิคที่กรมสรรพากรประกาศ
(ขณะนี้ยังไม่ได้ประกาศ)
** ไฟล์ .txt จะไม่สามารถนำมา upload ได้
ถ้าหากกดพิมพ์แบบจากโปรแกรม RD Prep จะยังไม่ปรากฏข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ ของผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่เมื่อนำไฟล์ .rdx ไป upload เพื่อยื่นแบบบนออนไลน์ เมื่อกดพิมพ์แบบจากระบบ New e-Filing จะปรากฏข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ ของผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย
หากผู้เสียภาษีพบปัญหาในการติดตั้งโปรแกรม RD Prep ขึ้นหน้าจอขาว บนเครื่องที่ระบบปฏิบัติการเป็น Windows 7 Service Pack 1 แนะนำให้ติดตั้งโปรแกรม RD Prep บนเครื่องที่มีระบบปฏิบัติการ (OS) เป็นWindows 7 Service Pack สูงกว่า Service Pack 1
โปรแกรม RD Prep V 1.2.3 เป็นต้นไป แต่หากมีการปรับปรุงโปรแกรม RD Prep แนะนำให้อัปเดตให้เป็นปัจจุบันด้วย โดยโปรแกรมเปิดบริการให้ผู้เสียภาษีสามารถจัดเตรียมไฟล์ข้อมูลแบบ ภ.พ.30 ด้วยวิธีการบันทึกหรือโอนย้ายข้อมูลได้ หรือผู้เสียภาษีจะเลือกยื่นแบบ ภ.พ.30 ด้วยวิธีการบันทึกข้อมูลผ่านระบบ New e-Filing ออนไลน์ก็ได้เช่นกัน
จะมี Pop Up แจ้งเตือนให้อัปเดตตอนเปิดโปรแกรม RD Prep ในขณะที่คอมพิวเตอร์นั้น Online อยู่
โดยโปรแกรมจะตรวจสอบการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อมีการปรับปรุงเวอร์ชั่นของโปรแกรม

สมัครใช้บริการ

ขั้นตอนการลงทะเบียนใช้งานระบบ New e-Filing ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th > E-FILING ยื่นแบบทุกประเภท > สมัครสมาชิก มีขั้นตอนดังนี้
ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
1) ระบุเลขประจำตัวประชาชน/เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลือก Captcha (ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ)
2) เลือก ประสงค์ลงทะเบียนเพื่อ “ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ระบุ ข้อมูลผู้เสียภาษี
3) ระบุ ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP (One Time Password) ทางหมายเลขโทรศัพท์หรืออีเมล
4) กำหนดรหัสผ่าน/ยืนยันรหัสผ่าน เลือกคำถาม/คำตอบ จำนวน 3 ข้อ เพื่อใช้ในกรณีที่ลืมรหัสผ่าน
5) อ่านและยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข/ยืนยันการลงทะเบียน
6) เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ได้ตั้งไว้
*หมายเหตุ ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นการลงทะเบียนเพื่อขอยื่นแบบภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาประกอบด้วย  ภ.ง.ด.90  ภ.ง.ด.91 ภ.ง.ด.94  ภ.ง.ด.95  และแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน (อ.ส.9) เมื่อผู้เสียภาษีลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์สำเร็จ สามารถใช้ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เข้าใช้งานระบบได้ทันที โดยไม่ต้องยื่นเอกสาร

ยื่นแบบภาษีอื่น ๆ จากการประกอบกิจการ
1) ระบุเลขประจำตัวประชาชน/เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลือก Captcha (ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ)
2) เลือก ประสงค์ลงทะเบียนเพื่อ “ยื่นแบบภาษีอื่น ๆ จากการประกอบกิจการ” ตรวจสอบข้อมูลผู้เสียภาษี และระบุอีเมล
3) ระบุ ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP (One Time Password) ทางอีเมล อ่านและยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข/ยืนยันการลงทะเบียน
4) ยื่นเอกสารยืนยันตัวตนได้ 3 ช่องทาง โดยยื่นภายใน 30 วันหลังลงทะเบียนบนเว็บไซต์
     (1) สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ ห้องบริการข้อมูลข่าวสารกองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ อาคารจอดรถและสวัสดิการกรมสรรพากร ชั้น 1 ใกล้กับ 7-Eleven
     (2) นำส่งเอกสารทางอีเมล โดยการสแกนเอกสารรูปแบบไฟล์ PDF ส่งทางอีเมล และต้องใช้อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ แล้วส่งถึงหน่วยงาน ......@rd.go.th (ตามที่ระบุในอีเมล)
     (3) อัปโหลดเอกสารที่ลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature)
5) ตรวจสอบผลการยื่นคำขอได้บนเว็บไซต์ และแจ้งผลการอนุมัติทางอีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้
6) ได้รับแจ้งผลการอนุมัติและชื่อผู้ใช้งาน (Username) ทางอีเมล พร้อมลิงก์สำหรับตั้งรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าใช้งานระบบ
*หมายเหตุ ยื่นแบบภาษีอื่น ๆ จากการประกอบกิจการ เป็นการลงทะเบียนเพื่อขอยื่นแบบภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา ภาษีหัก ณ ที่จ่าย รวมถึงแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน และหากผู้เสียภาษีเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มหรือธุรกิจเฉพาะ จะได้รับสิทธิ์ในการยื่นแบบภาษีนั้น ๆ โดยอัตโนมัติโดยผู้เสียภาษีต้องยื่นเอกสารในการยืนยันตัวตนต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุมัติการลงทะเบียนก่อน
ขั้นตอนการลงทะเบียนใช้งานระบบ New e-Filing ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรwww.rd.go.th > E-FILING ยื่นแบบทุกประเภท > สมัครสมาชิก มีขั้นตอนดังนี้
     1) ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลือก Captcha (ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ)
     2) เลือก ประสงค์ลงทะเบียน เพื่อลงทะเบียน “ในระดับผู้ประกอบการ (รวมทุกสาขา)” หรือ ลงทะเบียน “ในระดับสาขา (เฉพาะสาขา)”
       2.1) ลงทะเบียนในระดับผู้ประกอบการ สำหรับผู้ประกอบการที่สำนักงานใหญ่ประสงค์เป็นผู้สมัครลงทะเบียนและยื่นเอกสารแสดงตัวตนเพียงครั้งเดียว เมื่อได้รับอนุมัติสิทธิ์แล้ว สามารถสร้างและกำหนดสิทธิ์ให้ผู้ดูแลสาขา (Admin) เป็นผู้ยื่นรายการภาษีของสาขาต่าง ๆ ตามสิทธิ์ที่ได้รับ รวมถึงการสร้างและกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน (User) ได้ด้วย โดยสาขาไม่ต้องสมัครลงทะเบียนและยื่นเอกสารแสดงตัวตน
       2.2) ลงทะเบียนในระดับสาขา สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการแยกสิทธิ์การใช้งานเป็นรายสาขา สามารถสมัครลงทะเบียนและยื่นเอกสารแสดงตัวตนเฉพาะของสาขาแต่ละสาขา
หลังจากนั้น เลือก ตรวจสอบข้อมูลผู้เสียภาษี และระบุอีเมล
     3) ระบุ ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP (One Time Password) ทางอีเมล อ่านและยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข/ยืนยันการลงทะเบียน ต้องนำส่งเอกสารและมีช่องทางการส่งเอกสาร ดังนี้
       3.1) เอกสาร ภ.อ.01 และข้อตกลงในการใช้งานระบบที่ได้รับจากอีเมล พร้อมลงลายมือชื่อ
       3.2) บัตรประจำตัวประชาชน/ใบสำคัญคนต่างด้าว/หนังสือเดินทาง หรือสำเนาพร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง
หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นกระทำการแทน ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท) และแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ใบสำคัญคนต่างด้าว/หนังสือเดินทาง ของผู้มอบอำนาจ และบัตรประจำตัวประชาชน/ใบสำคัญคนต่างด้าว/หนังสือเดินทาง ของผู้รับมอบอำนาจ หรือสำเนาพร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง สามารถยื่นเอกสารยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน หลังลงทะเบียนบนเว็บไซต์ ได้ 3 ช่องทาง คือ
        (1) นำส่งด้วยตนเอง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ ห้องบริการข้อมูลข่าวสารกองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ อาคารจอดรถและสวัสดิการกรมสรรพากร ชั้น 1 ใกล้กับ 7-Eleven
        (2) นำส่งเอกสารทางอีเมล โดยการสแกนเอกสารรูปแบบไฟล์ PDF ส่งทางอีเมล และต้องใช้อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ แล้วส่งถึงหน่วยงาน ......@rd.go.th (ตามที่ระบุในอีเมล)
        (3) นำส่งเอกสารด้วยการอัปโหลดไฟล์เอกสาร ภ.อ.01 และข้อตกลงการใช้งานระบบที่ได้รับจากอีเมลเท่านั้น พร้อมลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ซึ่งได้จากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดเอกสารได้ที่อีเมลที่ได้รับ โดยกดลิงก์ “อัปโหลดไฟล์ที่นี่” หลังจากนำส่งเอกสารแล้ว ตรวจสอบผลการยื่นคำขอได้จากอีเมล หรือเมนูสมัครสมาชิก เลือก ตรวจสอบผลการยื่นคำขอ เมื่อได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ระบบจะส่งอีเมลพร้อมกับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และลิงก์เพื่อกำหนดรหัสผ่าน
*หมายเหตุ
        1. กรณีไม่ได้นำส่งเอกสารภายใน 30 วัน จะไม่สามารถใช้งานคำขอได้ ต้องดำเนินการยื่นคำขอใหม่
        2. กรณีนำส่งเอกสารทางอีเมล จะใช้บริการได้เฉพาะการยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ไม่สามารถใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของกรมสรรพากรได้
การลงลายมือชื่อผ่านใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ ต้องใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ที่ออกจาก ผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Certification Authority : CA) ที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งอยู่ภายใต้การรับรองของผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (Thailand National Root Certification Authority : Thailand NRCA) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันมี 2 บริษัท คือ
     1) บริษัท ไทยดิจิทัล ไอดี จำกัด โทร. 02-029-0290 กด 4
     2) บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-257-7111
กรณีได้รับอนุมัติการลงทะเบียนแล้ว ระบบจะส่งลิงก์ให้ตั้งรหัสผ่านทางอีเมล กรณีไม่พบลิงก์ จากระบบในกล่องข้อความ ให้ลองตรวจสอบที่เมนูถังขยะ (Junk Mail) หากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูล สามารถขอรับอีเมล แจ้งผลใหม่ได้ โดยเข้าที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th > E-FILING ยื่นแบบทุกประเภท > สมัครสมาชิก >ตรวจสอบผลการยื่นคำขอ > ระบุหมายเลขอ้างอิงการยื่นคำขอ หรือ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร > กดปุ่ม ขอรับอีเมลแจ้งผล ระบบจะส่งอีเมลให้ตั้งรหัสผ่านใหม่ทันที
ให้สมัครใช้บริการ โดยในขั้นตอนความประสงค์ในการลงทะเบียน ให้เลือก “ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” และเมื่อลงทะเบียนสำเร็จ ผู้เสียภาษีจะสามารถเข้าใช้งานระบบด้วย Username และ Password ที่ตั้งขึ้นได้ทันที
ให้สมัครใช้บริการ โดยในขั้นตอนความประสงค์ในการลงทะเบียน ให้เลือก “ยื่นแบบภาษีอื่น ๆ จากการประกอบกิจการ” เมื่อสมัครผ่านระบบเรียบร้อยให้ยื่นเอกสาร ภ.อ.01 พร้อมเอกสารแนบเพื่อยืนยันตัวตนต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขออนุมัติการลงทะเบียน เมื่อเจ้าหน้าที่อนุมัติแล้วก็สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อยื่นแบบ ภ.พ.30 ผ่านอินเทอร์เน็ตในระบบ e-Filing ได้

การยืนยันตัวตนผ่าน NDID

NDID หรือระบบ National Digital ID (www.ndid.co.th) คือ โครงสร้างพื้นฐานในการพิสูจน์ และยืนยันตัวตน ทางดิจิทัลของประเทศไทยเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับกระบวนการทำธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ สร้างความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนใช้ระบบ Blockchain โดยมีธนาคารพาณิชย์ เป็นผู้ให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ผ่านโมบายแอปพลิเคชันของธนาคาร
ผู้ใช้บริการต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
      1. มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่ท่านเลือก
      2. เคยใช้บัตรประชาชนผ่านเครื่องอ่านบัตรของธนาคารที่ท่านเลือกแล้ว (ที่สาขาหรือตู้ ATM โปรดตรวจสอบกับธนาคารที่ท่านเลือก)
      3. มีโมบายแอปพลิเคชันของธนาคารที่ท่านเลือก และพร้อมใช้งาน
      4. เคยถ่ายรูปแบบเปรียบเทียบใบหน้าบนโมบายแอปพลิเคชัน หรือเคยถ่ายรูปที่สาขา หรือตู้ ATM ของธนาคารที่เลือก (โปรดตรวจสอบกับธนาคารที่ท่านเลือก)
หลังจากท่านใส่หมายเลขบัตรประชาชนและยอมรับเงื่อนไขการใช้บริการแล้ว ระบบจะแสดงรายชื่อธนาคาร ที่ท่านได้เคยลงทะเบียน โดยท่านสามารถเลือกใช้บริการยืนยันตัวตนได้ทันที หากท่านยังไม่เคยลงทะเบียน ระบบจะแสดงรายชื่อธนาคารที่สามารถนำท่านเข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียนตามเงื่อนไขการใช้บริการของแต่ละธนาคารก่อน และทำการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในลำดับถัดมากรมสรรพากรได้เพิ่มการยืนยันตัวตนทางดิจิทัลผ่าน NDID เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการยืนยันตัวตน เพื่อทำธุรกรรมออนไลน์บนเวปไซต์กรมสรรพากร ในบริการ e-Filing
      1. เป็น “ทางเลือก” ให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา
      2. ยกระดับการทำธุรกรรมออนไลน์ให้มีความน่าเชื่อถือ และมีความปลอดภัยสูงขึ้น
      3. สร้างความมั่นใจว่าผู้ใช้บริการธุรกรรมออนไลน์บนเวปไซต์กรมสรรพากรเป็นบุคคลนั้น ๆ ผ่านการยืนยันตัวตนทางดิจิทัลจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดิจิทัล บน Platform NDID
      4. ผู้ใช้บริการสามารถต่อยอดการยืนยันตัวตนไปถึงการใช้บริการอื่น ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต
NDID เป็น Platform กลางที่เชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เมื่อผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลให้ความยินยอม (Consent) โดยจะไม่มีการเก็บข้อมูลของใช้บริการไว้ที่ Platform NDID แต่ข้อมูล จะเก็บแบบกระจายศูนย์ภายใต้ธนาคารที่ให้บริการ
      1. ธนาคารให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยการเก็บรวบรวมการใช้ และการเปิดเผยข้อมูลจะต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้บริการและเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
      2. ธนาคารมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่แน่นหนารัดกุม และจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลเท่านั้น
ปัจจุบัน (พ.ย.66) มีธนาคารให้บริการจำนวน 10 ธนาคาร ดังนี้ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์
ระบบจะแสดงรายชื่อธนาคารที่ผู้ใช้บริการได้ลงทะเบียน NDID ไว้แล้ว และสามารถใช้บริการยืนยันตัวตนได้ทันที แต่หากยังไม่มีการลงทะเบียน ระบบจะแสดงรายชื่อธนาคารที่ต้องไปทำการลงทะเบียนตามเงื่อนไขและขั้นตอนของ แต่ละธนาคารก่อน
ผู้ใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ผ่านเวปไซต์กรมสรรพากรไม่มีค่าใช้จ่ายในการยืนยันตัวตนผ่านแพลตฟอร์ม NDID
      1. ผู้ใช้บริการสามารถลงทะเบียนได้ที่แอปพลิเคชันของธนาคาร หรือสาขา หรือช่องทางอื่นๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
      2. ผู้ใช้บริการต้องผ่านการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ด้วยการตรวจสอบสถานะบัตรประชาชนกับกรมการปกครองแบบออนไลน์ (ThaiID) หรือตรวจสอบสถานะหนังสือเดินทางกับกรมการกงสุล พร้อมทั้งถ่ายภาพ และยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition) กับธนาคารแล้ว
สามารถติดต่อกับธนาคารที่ใช้บริการให้ดำเนินการยกเลิกการใช้บริการยืนยันตัวตนได้ตามต้องการ
ธนาคารที่ให้บริการ NDID
ธนาคาร        Call Center
ธ.กรุงศรีอยุธยา
ธ.ไทยพาณิชย์
ธ.กรุงเทพ
ธ.กสิกรไทย
ธ.กรุงไทย
ธ.เกียรตินาคินภัทร
ธ.ซีไอเอ็มบีไทย
ธ.ทหารไทยธนชาต
ธ.ออมสิน
ธ.อาคารสงเคราะห์
       1572
02 777 7777
1333 หรือ 02 645 5555
02 888 8888
02 111 1111
02 165 5555
02 626 7777
1428
1143
02 645 9000

เข้าสู่ระบบ

ยกเลิกบัญชีผู้ใช้งานเดิม โดยแจ้งทางอีเมล : efilinghelpdesk@rd.go.th และระบุ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ชื่อสถานประกอบการ สาขามูลค่าเพิ่มหรือสาขาธุรกิจเฉพาะพร้อมชื่อและเบอร์ติดต่อกลับ พร้อมนำส่งเอกสารของผู้มีอำนาจตามหนังสือรับรองด้วยเมื่อระบบยกเลิกแล้วให้สมัครและนำส่งเอกสารใหม่
เมื่อได้สร้างชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านใหม่เรียบร้อยแล้ว ชื่อผู้ใช้งานนั้น จะเป็นผู้ใช้งานในระดับ Super Admin ที่สามารถสร้าง Admin และ User ได้
หากเป็นบุคคลธรรมดาจด VAT และยังไม่ได้เลือก “ประสงค์จะยื่นแบบภาษีอื่น ๆ จากการประกอบกิจการ” ให้เข้าสู่ระบบ จากนั้นขอเพิ่มสิทธิ์การใช้บริการในโปรไฟล์ สร้างคำขอ ระบบจะส่งอีเมลยืนยันการสร้างคำขอพร้อมเอกสารแนบให้ โดยผู้เสียภาษีต้องยื่นเอกสารยืนยันตัวตนเพื่อขออนุมัติการเพิ่มสิทธิ์ดังกล่าว
กรณีผู้เสียภาษีเป็นบุคคล
    - ชื่อผู้ใช้งาน เป็นเลข 13 หลัก (บัตรประจำตัวประชาชน/เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร)
    - รหัสผ่านผู้เสียภาษีกำหนดเอง
กรณีผู้เสียภาษีเป็นนิติบุคคลและเป็นสำนักงานใหญ่
    - ชื่อผู้ใช้งาน เป็นเลขทะเบียนนิติบุคคล (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) หรือ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (กรมสรรพากร)
    - รหัสผ่านผู้เสียภาษีกำหนดเอง
กรณีผู้เสียภาษีเป็นนิติบุคคลและเป็นสำนักงานสาขา (จด VAT/SBT)
    - ชื่อผู้ใช้งาน เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลัก + ประเภทสาขา (VAT/SBT) + เลขที่สาขา (5 หลัก)
ประเภทสาขา (VAT/SBT)
    1 = ลงทะเบียนด้วยสาขา VAT
    2 = ลงทะเบียนด้วยสาขา SBT
    3 = ลงทะเบียนด้วยสาขา VAT และ SBT
   ตัวอย่างระบบปัจจุบันลงทะเบียนด้วย VAT สาขา 1
   ชื่อผู้ใช้งานใหม่ เป็น 0xxxx28000127100001
    - รหัสผ่านผู้เสียภาษีกำหนดเอง
โดยการตั้งรหัสผ่านต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้
    1) รหัสผ่านต้องมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษรและไม่เกิน 16 ตัวอักษร
    2) รหัสผ่านต้องใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ (a-z,A-Z) และ ตัวเลข (0-9)
    3) รหัสผ่านต้องมีตัวเลข (0-9) อย่างน้อย 1 ตัวอักษร
    4) รหัสผ่านต้องมีตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ (A-Z) อย่างน้อย 1 ตัวอักษรและมีตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก (a-z) อย่างน้อย 1 ตัวอักษร
    5) ต้องไม่ใช้คำว่า “password”
    6) ต้องไม่เหมือนหรือคล้ายกับชื่อผู้ใช้งาน

จัดการบัญชีสมาชิก และสิทธิ

หน้า Login ให้เลือก “ลืมรหัสผ่าน”
      1) ระบุเลขประจำตัวประชาชน/เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
      2) เลือก “ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ” และระบุข้อมูลผู้เสียภาษีให้ครบถ้วน (กรณีเป็นผู้ประกอบการที่จดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ) จากนั้นในหน้าจอยืนยันตัวตนด้วยอีเมล
      3) คลิก “เลือกเส้นทางอื่น”
      4) ระบุอีเมลใหม่ ระบบจะส่งหมายเลข OTP ไปยังอีเมลที่ท่านระบุไว้ ให้กรอกเลข OTP ที่ได้รับ จากนั้นระบบจะให้ยืนยันความประสงค์ขอแจ้งเปลี่ยนรหัสผ่านพร้อมเปลี่ยนอีเมล เมื่อยื่นคำขอในระบบสำเร็จ ให้ท่านยื่นเอกสารยืนยันตัวตนผ่าน 3 ช่องทาง คือ
          1) นำส่งเอกสารด้วยตนเอง ในเวลาราชการ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือ ห้องบริการข้อมูลข่าวสารกองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากร
          2) นำส่งเอกสารทางอีเมล โดยสแกนเอกสารรูปแบบไฟล์ PDF ส่งทางอีเมล โดยใช้อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ ส่งถึง ......@rd.go.th (ตามที่ระบุในอีเมล)
          3) อัปโหลดไฟล์เอกสารผ่านเว็บไซต์ กรณีลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ด้วยใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate) ที่ออกจากผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Certification Authority : CA) ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดเอกสารได้ที่อีเมลที่ได้รับ โดยกดลิงก์ “อัปโหลดไฟล์ที่นี่”
      1) หากลงทะเบียนในระดับผู้ประกอบการ ชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านของผู้ประกอบการ (Super Admin) สามารถใช้ยื่นแบบของทุกสาขาได้ แต่หากต้องการให้แต่ละสาขายื่นแบบด้วยตนเอง ชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านของผู้ประกอบการสามารถสร้างและกำหนดสิทธิ์ให้ผู้ดูแลสาขา (Admin) เป็นผู้ยื่นแบบของสาขาต่าง ๆ ตามสิทธิ์ที่ได้รับ รวมถึงการสร้างและกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งาน (User) ทุกสาขาได้
      2) หากลงทะเบียนในระดับสาขา จะได้รับชื่อผู้ใช้งานและกำหนดรหัสผ่านเพื่อยื่นแบบของแต่ละสาขา
ฟังก์ชันการจัดการสิทธิ์ เป็นการสร้างบัญชีผู้ใช้ให้สามารถระบุ ผู้ใช้งานในระดับต่าง ๆ (Admin, User) โดยแบ่งประเภทบัญชีผู้ใช้งานออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
      1.ผู้ประกอบการ (Super Admin)
      2.ผู้ดูแล
      3.ผู้ใช้งาน
      ทั้งนี้ผู้ใช้งานระดับผู้ประกอบการ (Super Admin) สามารถจัดการผู้ใช้งาน และจัดการสิทธิ์การยื่นแบบฯ ให้กับผู้ใช้งานภายใต้บัญชีหลักได้
ฟังก์ชันการจัดการสิทธิ์ ไม่ได้เป็น ฟังก์ชันการยื่นกระทำการแทน
หมายเลขผู้ใช้19หลัก (กรณีสาขาแยกยื่น) ก็ถือเป็น Super Admin สามารถจัดการสิทธิ์ได้เหมือนกัน
ไม่เห็น เว้นแต่ในกรณีที่ได้รับสิทธิ์ให้ยื่นแบบประเภทเดียวกัน และสาขาเดียวกัน Admin จะเห็นแบบที่ตัวเองได้รับมอบหมายทั้งหมด ไม่ว่าผู้ใดเป็นคนบันทึก ยกเว้น Super admin เป็นผู้บันทึก Admin ไม่มีสิทธิ์เห็น
หากยืนยันการยื่นแบบแล้ว Super Admin กับ Admin สามารถเข้าไปที่ตรวจสอบผลการยื่นแบบ และสามารถพิมพ์แบบ/พิมพ์ใบแนบได้ แต่เมื่อได้ชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว จะสามารถพิมพ์แบบ/ใบเสร็จรับเงินได้เท่านั้น ไม่สามารถพิมพ์ใบแนบได้
ไม่จำเป็น เพราะผู้เสียภาษีที่ใช้งานผ่านระบบ Tax SSO สามารถสร้างผู้ดูแล (Admin) และผู้ใช้งาน (User) ได้ที่ระบบ Tax SSO เช่นเดียวกัน เพียงแต่การจัดการสิทธิ์การยื่นแบบ จะมาดำเนินการอยู่ที่หน้าจอของระบบ New e-Filing

ยื่นแบบ

การยื่นแบบแสดงรายการผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถทำรายการและยืนยันการยื่นแบบได้ทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ตามเวลา ดังนี้
    - ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยื่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    - ภาษีประเภทอื่น ๆ ยื่นได้ภายในเวลา 06:00 - 22:00 น. สำหรับการชำระภาษีขึ้นอยู่กับหน่วยรับชำระภาษีที่เปิดให้บริการ โดยต้องชำระภาษีให้สำเร็จภายในช่วงเวลาที่หน่วยรับชำระภาษีให้บริการของวันนั้น ๆ
กรณีเกินกำหนดเวลาการยื่นแบบ จะถือว่าไม่ได้ยื่นแบบฯ ต้องทำการยื่นแบบใหม่ เป็นแบบที่ยื่นเกินกำหนดเวลา โดยระบบจะคำนวณเงินเพิ่ม เบี้ยปรับ (ถ้ามี) และค่าปรับอาญาให้อัตโนมัติ
เมื่อยืนยันการยื่นแบบแล้ว โปรแกรมจะแสดงปุ่ม “พิมพ์แบบเพื่อตรวจสอบ” ขึ้นมาให้ที่หน้าสรุปการยื่นแบบ ก่อนที่จะทำการชำระเงิน ซึ่งจะสามารถพิมพ์ใบแนบที่ไม่มีลายน้ำได้ที่ปุ่มนี้เท่านั้น
    1) กรณีมีภาษีต้องชำระ และชำระเรียบร้อยแล้วจะไม่สามารถยกเลิกแบบได้ แต่หากยังไม่ได้ชำระภาษี สามารถยกเลิกแบบได้ตลอดเวลา
    2) กรณีไม่มีภาษีชำระหรือมีภาษีขอคืน สามารถยกเลิกแบบได้ก่อนปิดระบบสิ้นวัน (ก่อนเที่ยงคืน) โดยมีเงื่อนไขคือ ยังไม่ได้ดำเนินการดาวน์โหลด/พิมพ์ภาพแบบแสดงรายการและใบเสร็จรับเงิน
ยังค้างอยู่ในระบบ ที่เมนู “ตรวจสอบผลการยื่นแบบ” แต่แบบจะอยู่ในสถานะ “ยกเลิกแบบ (โดยผู้ใช้งาน)”
หากเป็นผู้ประกอบการ VAT วันที่ 16 มีนาคม 2566 จะต้องเริ่มยื่นแบบ ภ.พ.30 ตั้งแต่เดือนภาษีมีนาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งการยื่นแบบ ภ.พ.30 ของเดือนภาษีมีนาคม 2566 จะสามารถยื่นแบบภายในกำหนดเวลาทางอินเทอร์เน็ตได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 24 เมษายน 2566 (เนื่องจากวันที่ 23 เป็นวันอาทิตย์ จึงสามารถยื่นแบบและชำระภาษีภายในกำหนดเวลาได้ในวันทำการถัดไป)
ระบบ New e-Filing จะระบุครั้งที่ยื่นแบบเพิ่มเติมให้อัตโนมัติ แต่ผู้เสียภาษีสามารถแก้ไขเลขครั้งที่ยื่นเพิ่มเติมได้โดยต้องไม่ซ้ำกับครั้งที่มีอยู่ในระบบ
ยังต้องกำหนดเป็นการยื่นปกติและยื่นเพิ่มเติม อย่างไรก็ดีในขั้นตอนของการ Upload ไฟล์ข้อมูลบนออนไลน์เพื่อยื่นแบบ ผู้ที่ทำไฟล์เป็นยื่นปกติจะต้องยื่นแบบก่อนเสมอ ส่วนผู้ที่ทำไฟล์เป็นยื่นเพิ่มเติมจะต้องยื่นแบบหลังจากมีการยื่นแบบฉบับปกติแล้ว แต่การยื่นแบบฉบับเพิ่มเติมนั้นไม่จำเป็นต้องตามลำดับ สามารถยื่นฉบับเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ก่อนฉบับเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ได้ ทั้งนี้วิธีการดังกล่าวใช้เฉพาะการยื่นแบบหัก ณ ที่จ่าย เท่านั้น (ไม่รวมแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้)
สามารถพิมพ์ได้ทั้งใบหน้าและใบแนบ ดังนี้
    - พิมพ์ใบหน้าได้หลังจากที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว โดยพิมพ์ได้ที่เมนูตรวจสอบผลการยื่นแบบ
    - พิมพ์ใบแนบได้หลังจากยืนยันการยื่นแบบ เลือกพิมพ์แบบเพื่อตรวจสอบ และที่เมนูตรวจสอบผลการยื่นแบบ ก่อนการชำระเงินภาษี ข้อจำกัดของการพิมพ์ใบแนบกรณีมีใบแนบเกิน 100 หน้า ระบบจะ export ออกมาเป็นไฟล์ .csv แทน
เมื่อ Login เข้าใช้งานระบบ New e-Filing ให้เข้าไปดูที่เมนู “ตรวจสอบผลการยื่นแบบ”
เสียภาษีสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีเกินกำหนดเวลาผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ดังนี้
    - ยื่นแบบเกินกำหนดเวลาได้ทุกประเภท (ยกเว้น ภ.พ.30 ยื่นรวม กรณียื่นเพิ่มเติม และภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 ภ.ง.ด.94 ภ.ง.ด.95 ผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart Tax)
    - ยื่นแบบเกินกำหนดเวลาได้ สำหรับแบบฯ ที่มีหน้าที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป (สำหรับ ภ.ง.ด.50  ภ.ง.ด.51  ภ.ง.ด.52  ภ.ง.ด.55  สามารถยื่นแบบเกินกำหนดเวลาของรอบบัญชีปี 2563 เป็นต้นไป)
    - คำนวณเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับทางอาญาให้อัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกในการยื่นแบบและชำระภาษี
แก้ไขได้ ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนว่า “การคำนวณภาษีขายไม่เท่ากับ 7% โปรดตรวจสอบ” และ/หรือ "การคำนวณภาษีซื้อไม่เท่ากับ 7% โปรดตรวจสอบ"
เนื่องจากผู้เสียภาษีอาจไปยื่นแบบ ภ.พ.30 เดือนภาษีสิงหาคม 2565 ด้วยกระดาษ ทำให้ระบบ New e-Filing ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มของเดือนดังกล่าวได้ หากผู้เสียภาษีกรอกยอดภาษีชำระเกินยกมาถูกต้องตรงตามที่เคยยื่นไว้แล้ว ให้เลือก “ใช่” เพื่อยืนยันได้เลย
ไม่สามารถทำได้ ต้องยื่นฉบับเพิ่มเติมเป็นขอคืนภาษีเป็นเงินสดหรือขอโอนเข้าบัญชีธนาคาร
กรณียื่นแบบ ภ.พ.30 รวมกัน ผู้เสียภาษีสามารถบันทึกใบแนบ ภ.พ.30 บนออนไลน์ หรือจะบันทึกข้อมูลใบแนบ ภ.พ.30 ผ่านโปรแกรม RD Prep แล้วนำไฟล์ .rdx upload ที่หน้ายื่นแบบออนไลน์ได้
การยื่นแบบ ภ.พ.30 กรณีได้รับการอนุมัติให้ยื่นรวมไม่สามารถยื่นแบบเพิ่มเติม ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะยื่นภายในกำหนดเวลาหรือเกินกำหนดเวลา
ในระบบ New e-Filing แบบฉบับปกติสามารถยื่นยอดขายและยอดซื้อติดลบได้
สามารถยื่นได้ สำหรับรายรับของกิจการที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ไม่ต้องจดทะเบียน เช่น นาย ก. มีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้แต่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
การยื่นแบบฯ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 ภ.ง.ด.1ก ภ.ง.ด.2ก ภ.ง.ด.3ก บนหน้าจอระบบ e-Filing ผู้ยื่นแบบฯ สามารถบันทึก และแก้ไขข้อมูลใบแนบ ได้สูงสุด 1,000 รายการ กรณีใบแนบมีมากกว่า 1,000 รายการ ผู้ยื่นแบบฯ จะต้องทำการสร้างไฟล์ข้อมูล (.rdx) ด้วยวิธีการโอนย้ายข้อมูล โดยโปรแกรมจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการยื่นแบบ (RD Prep) แล้วจึงนำไฟล์ข้อมูล (.rdx) ที่ได้มาทำการอัปโหลด และยื่นแบบฯ บนระบบ e-Filing
กรอกจำนวนเงินเพิ่ม ให้ท่านคำนวณเงินเพิ่มและกรอกข้อมูลด้วยตนเอง หากไม่มีเงินเพิ่มให้เว้นว่างไว้
       2) โปรแกรมจะเปิดช่องให้เลือกมาตราคำนวณเงินเพิ่มด้วยตนเอง
       3) กรณีมีภาษีชำระเพิ่ม โปรแกรมจะเปิดช่องให้เลือก “ชำระเงินเพิ่มอย่างเดียว” หรือ “ชำระภาษีและเงินเพิ่ม”
ปัจจุบันการยื่นแบบแสดงรายการผ่านระบบ New e-Filing ยังไม่รองรับกรณีกระทำการแทนผู้จ่ายเงินได้ ทั้งนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเพื่อรองรับกรณีผู้มีเงินได้พึงประเมินถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สามารถนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงินได้ หากปรับปรุงแล้วเสร็จ กรมสรรพากรจะดำเนินการปรับปรุงระบบให้รองรับกรณีดังกล่าวเป็นลำดับถัดไป
ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายสามารถเลือกจัดทำใบแนบได้ 2 ลักษณะ คือ
       1) กรอกข้อมูลใบแนบบนออนไลน์ได้เลยซึ่งสามารถ save ข้อมูลเก็บไว้ได้หากกรอกข้อมูลไม่เสร็จ
       2) ใช้โปรแกรม RD Prep ในการบันทึกหรือโอนย้ายข้อมูลซึ่งจะคล้ายโปรแกรมRdinet เดิม โดยต้องดาวน์โหลดโปรแกรม RD Prep มาติดตั้งเพื่อใช้งานเมื่อบันทึกหรือโอนย้ายข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะได้ไฟล์นามสกุล .rdx นำไป upload บนออนไลน์

ขอขยายเวลาการยื่นแบบ

เมื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีทำการยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกำหนดเวลา แต่มีเหตุขัดข้อง หรือเกิดข้อผิดพลาดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้การยื่นแบบและการชำระภาษีไม่สำเร็จสามารถยื่นแบบแสดงรายการ และชำระภาษี ภายใน 7 วันทำการ นับจากวันสุดท้ายของการยื่นแบบผ่านทางอินเทอร์เน็ต พร้อมยื่นคำร้องขอขยายเวลาฯ ได้
    1. ระบบการโอนเงินของหน่วยชำระขัดข้อง
    2. ยื่นแบบภายในกำหนดและสั่งโอนเงินในวันถัดจากวันครบกำหนด แต่ธนาคารไม่ปิดระบบการโอน
    3. ระบบการรับแบบหรือระบบเครือข่ายของกรมสรรพากรขัดข้อง
พร้อมเอกสารประกอบคำร้องฯ ดังนี้
       1. คำร้องขอขยายเวลาฯ และหนังสือให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูล
       2. สำเนาแบบแสดงรายการที่ยื่นผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (สส.)
       3. สำเนา บ.ช.35 (กรณียื่นผ่าน สส.)
       4. หนังสือชี้แจงเหตุขัดข้อง (ถ้ามี)
การแจ้งผลการพิจารณาจะแจ้งผ่านช่องทาง ดังนี้
1. แจ้งให้ผู้ประกอบการทางไปรษณีย์ (ลงทะเบียนตอบรับ)
2. แจ้งสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่

ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สามารถขอรหัสผ่านใหม่ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th > E-FILING ยื่นแบบทุกประเภท > คลิก “ยื่นแบบออนไลน์” หรือ “เข้าสู่ระบบ” > ระบบจะแสดงหน้าจอ Login ให้คลิก “ลืมรหัสผ่าน” > ระบุเลขประจำตัวประชาชน/เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร > ทำเครื่องหมาย ลงในช่อง ☐ ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ > คลิก “ถัดไป” และดำเนินการตามขั้นตอนวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้
        1) ยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์ > คลิก “ขอรหัส” โดยระบบจะทำการจัดส่งรหัส OTP ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือ ให้ผู้ใช้งานระบุรหัส OTP ที่ได้รับ ภายใน 5 นาที > คลิก “ถัดไป” > ทำการกรอกรหัสผ่านใหม่และยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง แล้วคลิก “บันทึกรหัสผ่าน” ระบบจะแสดงข้อความ “กำหนดรหัสผ่านใหม่สำเร็จแล้ว”
        2) ยืนยันตัวตนด้วยอีเมล > ให้คลิก “เลือกเส้นทางอื่น” จะพบหน้าจอยืนยันตัวตนด้วยอีเมล คลิก “ขอรหัส” โดยระบบจะทำการจัดส่งรหัส OTP ไปยังอีเมล ให้ผู้ใช้งานระบุรหัส OTP ที่ได้รับ ภายใน 5 นาที > คลิก “ถัดไป” > ทำการกรอกรหัสผ่านใหม่และยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง แล้วคลิก “บันทึกรหัสผ่าน” ระบบจะแสดงข้อความ “กำหนดรหัสผ่านใหม่สำเร็จแล้ว”
        3) ยืนยันตัวตนด้วยคำถาม > ให้คลิก “เลือกเส้นทางอื่น” จนพบหน้าจอยืนยันตัวตนด้วยคำถาม > เลือก คำถาม-คำตอบ ที่ผู้ใช้งานเคยระบุไว้ตอนลงทะเบียน > คลิก ถัดไป > ทำการกรอกรหัสผ่านใหม่และยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง แล้วคลิก “บันทึกรหัสผ่าน” ระบบจะแสดงข้อความ “กำหนดรหัสผ่านใหม่สำเร็จแล้ว”
        4) ยืนยันตัวตนด้วย Digital ID เพื่อขอเปลี่ยนรหัสผ่าน โดยสามารถเลือกยืนยันผ่าน NDID ThaID และเป๋าตัง
ทำการ Login เข้าสู่ระบบยื่นแบบออนไลน์ คลิกที่ชื่อผู้เสียภาษี (มุมขวาบน) > ข้อมูลผู้เสียภาษี > คลิก “แก้ไข” ที่แถบข้อมูลผู้เสียภาษี > ระบุที่อยู่ให้เป็นปัจจุบัน และคลิก “บันทึก”
ทำการ Login เข้าสู่ระบบยื่นแบบออนไลน์ คลิกที่ชื่อผู้เสียภาษี (มุมขวาบน) > ข้อมูลผู้เสียภาษี > ข้อมูลเพื่อการติดต่อ คลิก “แก้ไข” > กรอกเบอร์โทรศัพท์เดิม และเบอร์โทรศัพท์ใหม่
ผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนเพื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประสงค์จะยื่นแบบประเภทอื่น ให้ Login เข้าสู่ระบบยื่นแบบออนไลน์ คลิกที่ชื่อผู้เสียภาษี (มุมขวาบน) > ข้อมูลผู้เสียภาษี > ปรับปรุงข้อมูลผู้ใช้งาน เลือกสร้างคำขอเพิ่มสิทธิ์การใช้บริการ หลังจากนั้นระบบดำเนินการส่งเอกสาร ภ.อ.01 และข้อตกลงในการใช้งานระบบฯ ทางอีเมล พร้อมแนบเอกสารประกอบ ดังนี้
      1) เอกสาร ภ.อ.01 และข้อตกลงในการใช้งานระบบที่ได้รับจากอีเมล พร้อมลงลายมือชื่อ
      2) บัตรประจำตัวประชาชน/ใบสำคัญคนต่างด้าว/หนังสือเดินทาง หรือสำเนาพร้อม ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นกระทำการแทน ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท) และแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ใบสำคัญคนต่างด้าว/หนังสือเดินทาง ของผู้มอบอำนาจ และบัตรประจำตัวประชาชน/ใบสำคัญคนต่างด้าว/หนังสือเดินทาง ของผู้รับมอบอำนาจ หรือสำเนาพร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง สามารถยื่นเอกสารยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน หลังลงทะเบียนบนเว็บไซต์ ได้ 3 ช่องทาง คือ
        (1) นำส่งด้วยตนเอง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ ห้องบริการข้อมูลข่าวสารกองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ อาคารจอดรถและสวัสดิการกรมสรรพากร ชั้น 1 ใกล้กับ 7-Eleven
        (2) นำส่งเอกสารทางอีเมล โดยการสแกนเอกสารรูปแบบไฟล์ PDF ส่งทางอีเมล และต้องใช้อีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ แล้วส่งถึงหน่วยงาน ......@rd.go.th (ตามที่ระบุในอีเมล)
        (3) นำส่งเอกสารด้วยการอัปโหลดไฟล์เอกสาร ภ.อ.01 และข้อตกลงการใช้งานระบบที่ได้รับจากอีเมลเท่านั้น พร้อมลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ซึ่งได้จากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดเอกสารได้ที่อีเมลที่ได้รับ โดยกดลิงก์ “อัปโหลดไฟล์ที่นี่” หลังจากนำส่งเอกสารแล้ว ตรวจสอบผลการยื่นคำขอได้จากอีเมล หรือเมนูสมัครสมาชิก เลือก ตรวจสอบผลการยื่นคำขอ เมื่อได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ระบบจะส่งอีเมลพร้อมกับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และลิงก์เพื่อกำหนดรหัสผ่าน
*หมายเหตุ
       1. กรณีไม่ได้นำส่งเอกสารภายใน 30 วัน จะไม่สามารถใช้งานคำขอได้ ต้องดำเนินการยื่นคำขอใหม่
       2. กรณีนำส่งเอกสารทางอีเมล จะใช้บริการได้เฉพาะการยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ไม่สามารถใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของกรมสรรพากรได้
เมื่ออยู่หน้าจอกรอกค่าลดหย่อน ให้ผู้มีเงินได้ คลิกคำว่า ระบุข้อมูล ของรายการลดหย่อนแล้วทำเครื่องหมายลงในช่อง ☐ ตามรายการที่ต้องการใช้สิทธิ์
กรณีมีเงินได้จากหลายที่ ให้รวมเงินได้/ภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่ละรายการเป็นอันเดียวก่อนกรอกและใส่เลขผู้เสียภาษีของผู้จ่ายเงินได้ที่จ่ายเงินได้ให้มากที่สุด
กกรณีเป็นแบบฯ ที่ไม่มีภาษีชำระ หรือแบบฯ ที่มีเงินคืนภาษี หากยังไม่ได้ดาวน์โหลดภาพแบบแสดงรายการและใบเสร็จรับเงิน สามารถยกเลิกแบบฯ ที่ยื่นได้ภายในวันที่ยื่นแบบฯ (ไม่เกิน 24.00 น.) หากเกินเวลา 24.00 น. แล้วจะไม่สามารถยกเลิกการยื่นแบบฯ ได้ ผู้มีเงินได้ต้อง Login เข้าสู่ระบบ ทำการยื่นแบบฯ เพิ่มเติม โดยกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมด
กรณีดังกล่าว ถือว่าการยื่นแบบเสร็จสมบูรณ์ไม่สามารถยกเลิกการยื่นแบบฯ ได้ ให้ทำการยื่นแบบฯ ใหม่ โดยการ Login เข้าสู่ระบบ และบันทึกรายการข้อมูลใหม่ทั้งหมด ระบบจะแจ้งเตือนให้ทราบว่า ท่านได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 แบบปกติ ปีภาษี … ผ่าน Internet แล้ว ระบบจะแสดงหน้าจอสำหรับยื่นแบบฯ เพิ่มเติมให้ท่านอัตโนมัติ และในรายการค่าลดหย่อน ภายใต้หัวข้อภาษีที่ได้ชำระไว้แล้ว ให้กรอกจำนวนเงินภาษีที่ชำระไว้แล้ว กรณีแบบฉบับปกติมีเงินภาษีต้องชำระ หรือกรอก 0.00 กรณีแบบฉบับปกติไม่มีภาษีที่ต้องชำระหรือขอคืนเงิน
คลิกคำว่า ระบุข้อมูล เพื่อกรอกเงินได้ ค่าเช่า ค่าผิดสัญญาเช่าซื้อหรือซื้อขายเงินผ่อนมาตรา 40(5) กรณีมีมากกว่า 1 ราย ให้คลิกคำว่า “เพิ่ม” และกรอกข้อมูลแต่ละรายให้ครบถ้ว
สำหรับการผ่อนชำระภาษีงวดที่ 2 หรือ 3 ให้พิมพ์ชุดข้อมูลการชำระเงิน (Pay-in-Slip) เพื่อนำไปชำระภาษีให้ตรงกับการชำระภาษีของงวดนั้น ๆ
สำหรับการผ่อนชำระภาษีงวดที่ 2 และ 3 หน่วยรับชำระจะไม่หักบัญชีโดยอัตโนมัติ ให้ทำการ Login เข้าระบบยื่นแบบออนไลน์ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนของหน่วยรับชำระนั้น ๆ
Login เข้าระบบยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 เลือกเมนู ชำระภาษี ระบบแสดงหน้าจอ“รายการภาษีที่ต้องชำระ” ทำเครื่องหมาย ลงในช่อง ☐ หน้ารายการที่ต้องการชำระ คลิก “ชำระภาษี” ระบบแสดงหน้าจอ “รายละเอียดการชำระ” ระบบจะให้เลือกช่องทางการชำระภาษีใหม่อีกครั้ง
กรณียื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาพบว่า ข้อมูลที่แจ้งไว้นั้นไม่ถูกต้อง สามารถดำเนินการได้ดังนี้
      1) กรณีเป็นแบบฯ ที่ชำระภาษีงวดแรกแล้ว ให้ทำการ Login เข้าสู่ระบบการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 อีกครั้ง โดยสามารถทำรายการใหม่ทั้งหมด ระบบจะแจ้งเตือนให้ทราบว่า ท่านเคยยื่นแบบฯ ไว้แล้วและเป็นการยื่นเพิ่มเติมให้ท่านอัตโนมัติและในการกรอกรายการค่าลดหย่อน “ภาษีที่คำนวณได้ตามแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 แล้วแต่กรณี (กรณียื่นแบบเพิ่มเติม)” ให้บันทึกจำนวนเงินภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระตามแบบครั้งแรก มิใช่ใส่เฉพาะจำนวนเงินภาษีงวดแรกที่ได้จ่ายไปจริง
      2) กรณีเป็นแบบฯ ที่ยังไม่ได้ชำระงวดแรก ให้ Login เข้าสู่ระบบ และคลิกเมนู“ชำระภาษี” หรือ “ตรวจสอบผลการยื่นแบบ” ให้ทำการยกเลิกการยื่นแบบฯ ฉบับนั้นโดยคลิกจุด 3 จุด และเลือก “ยกเลิกแบบ” ระบบแสดงข้อความ “คุณต้องการยกเลิกแบบ ?” คลิก “ยืนยัน” ระบบแสดงสถานะ “ยกเลิกแบบ (โดยผู้ใช้)” แล้วทำการยื่นแบบฯ ใหม่
Login เข้าระบบยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 ดำเนินการกรอกรายการข้อมูลเงินได้และค่าลดหย่อนต่าง ๆ ตรวจสอบรายละเอียดของรายการให้ถูกต้อง เมื่อถูกต้องแล้วคลิก “ถัดไป” ระบบแสดงผลการคำนวณภาษี หากมีเงินภาษีที่ชำระไว้เกินและประสงค์ขอคืนเงินภาษี ให้เลือก “ต้องการขอคืน” หรือ “ไม่ต้องการ” ซึ่งต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และถ้ามีข้อความให้ระบุความต้องการอุดหนุนเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองให้เลือก “ต้องการอุดหนุน” หรือ “ไม่ต้องการ” อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วคลิก “ถัดไป” ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะแจ้งผลการคืนเงินภาษีผ่าน SMS ตามเบอร์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ แล้วคลิก “ยืนยันการยื่นแบบ” จึงจะถือว่าการยื่นแบบฯ ฉบับนั้นเสร็จสมบูรณ์ ให้พิมพ์แบบฯ เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ได้ โดย Login เข้าสู่ระบบยื่นแบบออนไลน์ คลิกที่ชื่อผู้เสียภาษี (มุมขวาบน) > ข้อมูลผู้เสียภาษี > ข้อมูลเพื่อการติดต่อ คลิก “แก้ไข” ระบุเบอร์โทรศัพท์เดิม และเบอร์โทรศัพท์ใหม่ที่ต้องการเปลี่ยน
เมื่อยืนยันการยื่นแบบฯ สำเร็จแล้ว ระบบจะแสดงหน้าจอผลการยื่นแบบฯ ให้คลิก “นำส่งเอกสาร” ระบบจะแสดงหน้าจอเชื่อมต่อไปยังระบบ EDSS เพื่อให้ผู้เสียภาษีทำการ upload เอกสาร หรือหากต้องการนำส่งเอกสารภายหลังสามารถ upload ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th > เลือกเมนู e-Refund สอบถาม/ส่งเอกสารคืนภาษี > My Tax Account
กรณีไม่มีภาษีชำระ หรือขอคืนเงิน สามารถดาวน์โหลดภาพแบบแสดงรายการและใบเสร็จรับเงินได้ทันที กรณีที่มีภาษีชำระและชำระแล้ว รอประมวลผล 2 วันทำการ จึงสามารถดาวน์โหลดภาพแบบแสดงรายการและใบเสร็จรับเงินได้
สามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7.0 และ Chrome เวอร์ชัน 8.0 ขึ้นไป และเบราว์เซอร์ที่รองรับระบบ New e-Filing มีดังนี้
- Internet Explorer 11 ขึ้นไป
- Google Chrome 78 ขึ้นไป
- Mozilla Firefox 70 ขึ้นไป
- Microsoft Edge 18 ขึ้นไป
- Safari 13 ขึ้นไป
สามารถดูได้ที่ เมนู “ตรวจสอบผลการยื่นแบบ”
1) สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ
2) อินเทอร์เน็ต (e-Filing) เว็บไซต์กรมสรรพากร
3) ไปรษณีย์ลงทะเบียน เฉพาะผู้มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานครเท่านั้น
4) แอปพลิเคชัน RD Smart Tax
แก้ไขโดย Login เข้าสู่ระบบยื่นแบบออนไลน์ (e-Filing) คลิกที่ชื่อผู้เสียภาษี (มุมขวาบน) > ข้อมูลผู้เสียภาษี > คลิก “แก้ไข” ที่แถบข้อมูลผู้เสียภาษี เพื่อแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องก่อน จึงจะสามารถเข้าใช้งานระบบอื่นได้

ชำระภาษี

      1) ชำระภาษีผ่าน e-Payment, Internet Credit Card, ATM on Internet โดยระบุธนาคารที่ใช้บริการ ป้อนหมายเลขผู้ใช้ (User ID) และรหัสผ่าน (Password) ที่ได้รับจากธนาคารและดำเนินการตามขั้นตอนของธนาคารนั้น
      2) ชำระภาษีช่องทางอื่น เช่น ATM, Internet Banking, Tele Banking, Phone Banking, Mobile Banking, Tax Smart Card, Counter Service (ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ, ไปรษณีย์, 7-Eleven, Tesco Lotus, True Money) ระบบจะแสดง Pay-in-Slip ซึ่งระบุรายละเอียดเลขประจำตัวประชาชน/เลขประจำตัวผู้เสียภาษี (13 หลัก), รหัสควบคุม (15 หลัก) และจำนวนภาษีที่ต้องชำระ กรุณาพิมพ์ไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการชำระภาษีตามช่องทางที่เลือกต่อไป
      3) ชำระภาษีผ่าน QR Code โดยทำรายการผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารที่รองรับการชำระด้วย QR Code
      4) ชำระภาษีผ่านบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Tax Compensation) กรมศุลกากร
กรณีชำระด้วยเช็คต้องไปชำระ ณ ธนาคาร/สาขา ผู้ออกเช็คเท่านั้น
กรณีที่สามารถพิมพ์ภาพแบบ/ใบเสร็จรับเงินได้ทันที คือ กรณีภาษีที่ต้องชำระเป็นศูนย์หรือกรณีมีภาษีชำระไว้เกิน
สามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินได้หลังจากชำระภาษีเรียบร้อยแล้วภายใน 2 วันทำการ
สถานะจะเปลี่ยนเป็นชำระสำเร็จหลังจากระบบประมวลแล้วภายใน 2 วันทำการ
สามารถยกเลิกแบบได้ แต่หากเป็นกรณีภาษี 0 หรือภาษีชำระไว้เกิน จะไม่สามารถยกเลิกแบบได้
ถ้าวันสุดท้ายที่ครบเดือนตรงกับวันหยุดราชการ ระบบจะถือวันทําการถัดไป เป็นวันสุดท้ายของวันครบกำหนดเวลา
แนะนำให้ไปที่เมนู “ชำระภาษี” ระบบจะแสดงรายการที่ยื่นสำเร็จ สถานะรอชำระเงิน และเลือกแบบที่จะรวมชำระได้
      1) เลือกเข้าสู่ระบบ กรอกหมายเลขผู้ใช้ และรหัสผ่าน
      2) จัดการบัญชีผู้ใช้ (Profile) เลือกเมนู ข้อมูลผู้เสียภาษี
      3) เลือก ขอเป็นตัวแทนชำระ กรอก รหัสผ่าน และ ยืนยันรหัสผ่าน
      4) แจ้งรหัสตัวแทนชำระและรหัสผ่านของตัวแทนชำระให้กับลูกค้าทราบ
      5) ให้ลูกค้านำข้อมูลตามข้อ 4. ไปกรอกในขั้นตอนชำระภาษี (ที่เมนูชำระภาษี)เพื่อให้รายการนั้นถูกส่งไปยัง PA เพื่อชำระภาษีแบบรวมรายการ
      *หมายเหตุ
         1) รหัสตัวแทนชำระมีจำนวน 10 ตัวอักษร ขึ้นต้นด้วย PA และตัวเลข ตัวอย่าง PA00000000 แล้วคลิก ตกลง เมื่อได้รหัสตัวแทนชำระแล้ว ให้แจ้งรหัสตัวแทนชำระและรหัสผ่านของตัวแทนชำระให้กับลูกค้าหรือสาขาของท่านทราบเพื่อให้ลูกค้าหรือสาขาของท่าน นำข้อมูลที่ได้รับ ไปกรอกในขั้นตอนการชำระภาษีสามารถศึกษาจากวิดีโอแนะนำ PA 1 การขอเป็นตัวแทนชำระ (Payment Agent PA.mp4)
         2) ไม่ต้องส่งเอกสารใด ๆ ให้กรมสรรพากร
         3) PA ต้องเป็นผู้ที่ผ่านการนำส่งเอกสารการสมัคร ภอ.01 แล้ว
      1) login เข้าระบบด้วยชื่อผู้ใช้งาน (Username) ของตัวแทนชำระ
      2) ไปที่เมนูชำระภาษี
      3) เลือกรายการที่ต้องการชำระ
      4) กดปุ่ม “ชำระ”
หรือ สามารถดู Clip VDO สาธิตการรวมรายการชำระภาษี ที่หัวข้อวิดีโอแนะนำ
      1) ลูกค้า login เข้าระบบด้วยชื่อผู้ใช้งาน (Username) ของลูกค้าเอง
      2) ไปที่เมนูชำระภาษี
      3) เลือกรายการที่ต้องการส่งให้ PA
      4) กดปุ่ม “ส่งตัวแทนชำระ”
      5) ใส่รหัสตัวแทน และ Password ของตัวแทน
      6) กดปุ่ม “ตกลง”หรือ สามารถดู Clip VDO สาธิตการส่งแบบที่บันทึกแล้วให้ตัวแทนชำระ ที่หัวข้อวิดีโอแนะนำ
ผู้เสียภาษีสามารถดำเนินการได้ใน เมนู บริการอื่น ๆ > ดาวน์โหลดภาพแบบ/ใบเสร็จ (ย้อนหลัง) ทั้งนี้ท่านสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินย้อนหลังได้ ตั้งแต่ มกราคม 2561 ถึง กันยายน 2564
ในใบ Pay In Slip จะมี QR Code สำหรับสแกนจ่ายทางโทรศัพท์ได้
TA ย่อมาจาก Tax Agent สำนักงานบัญชีตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพากรPA ย่อมาจาก Payment Agent ตัวแทนชำระ คือ บริการ “ชำระภาษีแบบรวมรายการ”ซึ่งกรมสรรพากรเคยให้บริการแก่ผู้เสียภาษีที่มี User ID ขึ้นต้นด้วย TA + Running Number 6 หลัก เช่น TA000008 แต่ปัจจุบันระบบ New e-Filing เปลี่ยนเป็นตัวแทนชำระ (Payment Agent : PA) ซึ่งมีรหัสตัวแทนขึ้นต้นด้วย PA + Running Number 8 หลัก เช่น PA00000008 หากต้องการเป็น “ตัวแทนชำระ (PA)” ต้องดำเนินการดังนี้
    1) ผ่านขั้นตอนการขอหมายเลขผู้ใช้ และรหัสผ่านใหม่เพื่อเข้าใช้ระบบ New e-Filing เรียบร้อยแล้ว
    2) จัดการบัญชีผู้ใช้ (Profile) โดยขอเป็น “ตัวแทนชำระ”
สำนักงานบัญชีตัวแทน (Tax Agent : TA) จะต้องทำการสร้างหมายเลขผู้ใช้และรหัสผ่านใหม่เพื่อใช้งานระบบ New e-Filing โดยไม่ต้องสมัครใหม่ จากนั้นระบบจะผูกข้อมูลลูกค้าของ Tax Agent ซึ่งได้แจ้งไว้กับกรมสรรพากรตามแบบ ต.ท.02 ให้โดยอัตโนมัติและ Tax Agent สามารถเข้าสู่ระบบยื่นแบบด้วยชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ของตนเอง แต่ยื่นแบบแทนลูกค้ารวมถึงชำระภาษีของลูกค้าโดยชำระแบบรวมรายการได้
จะต้อง Login ด้วย User ของสำนักงานบัญชี โดยสำนักงานบัญชีต้องเป็นผู้ยื่นแบบให้กับลูกค้าจึงจะเห็นรายการของลูกค้า และสามารถรวมชำระได้
สแกน QR Code ที่มุมขวาด้านล่างของใบเสร็จรับเงินที่ต้องการตรวจสอบ จะปรากฏข้อมูลรายละเอียดเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ ดังนี้
1) หมายเลขอ้างอิงการยื่นแบบ
2) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
3) ชื่อผู้เสียภาษี
4) ประเภทแบบ
5) เดือน/ปีภาษี
6) วันที่ชำระเงิน/นำส่ง
7) เลขที่ใบเสร็จเงิน
8) ประเภทใบเสร็จรับเงิน
9) จำนวนเงิน
10) รหัสการตรวจสอบ และวันที่ตรวจสอบ

ตรวจสอบผลการยื่นแบบ

สามารถใช้การค้นหาขั้นสูง ที่เมนู “ตรวจสอบผลการยื่นแบบ”

ขอคัดแบบ

กรณีที่ยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถขอคัดแบบฯ ผ่านระบบ e-Filing ย้อนหลังได้ 2 ปี
เมื่อ login เข้าสู่ระบบแล้ว ผู้เสียภาษีสามารถขอคัดแบบฯได้ที่เมนู บริการอื่นๆ > ยื่นคำขอคัดรับรองแบบ
       โดยรับเป็นเอกสาร พร้อมเจ้าหน้าที่ลงนามรับรองในเอกสาร
       สามารถเลือกสถานที่ รับแบบฯ ได้ 2 แห่ง ได้แก่
- ห้องบริการข้อมูลข่าวสาร อาคารจอดรถ กรมสรรพากร ซอยพหลโยธิน 7 กรุงเทพฯ
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
การขอคัดแบบโดยยื่นคำขอคัดรับรองแบบ มีค่าธรรมเนียมการคัดรับรองแบบ แผ่นละ 6 บาทโดยเสียค่าธรรมเนียมในวันที่มารับแบบฯ
กรณียื่นคำขอคัดรับรองแบบผ่านระบบ e-Filing สามารถขอคัดได้ทั้งแบบแสดงรายการภาษีและใบแนบ
(กรณีแบบมีใบแนบ) โดยต้องระบุความต้องการขอรับใบแนบในขั้นตอนการยื่นคำขอคัดแบบด้วยซึ่งมีรูปแบบให้เลือกรับใบแนบ ดังนี้
      • ทั้งหมด หมายถึง รับใบแนบทั้งชุด
      • ระบุเงื่อนไข หมายถึง ให้เลือกรายการในใบแนบโดยให้ระบุได้ 2 เงื่อนไขพร้อมกัน
หรืออย่างน้อย 1 เงื่อนไข ดังนี้

➢ หมายเลขหน้า

➢ ผู้มีเงินได้

      - เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
      - ชื่อ - นามสกุล (ไม่ต้องระบุคำนำหน้าชื่อ)
      - ชื่อนิติบุคคล (ไม่ต้องระบุคำนำหน้าชื่อ)
User ที่ได้สิทธิ สามารถยื่นคำขอคัดรับรองแบบฯ พร้อมใบแนบ โดยขอคัดได้เฉพาะแบบฉบับที่ User เป็นผู้ยื่นแบบฯ เท่านั้น
สามารถขอยกเลิกคำขอคัดแบบได้ ภายในวันที่ยื่นคำขอผ่านระบบเท่านั้น ไม่สามารถยกเลิกข้ามวันได้
สามารถมารับแบบฯ ได้ในวันทำการถัดไป กรณีพ้น 15 วัน นับจากวันที่ระบบแจ้งนัดรับ จะระงับการขอคัดแบบฯ ในครั้งต่อไป เมื่อรับแบบที่ค้างรับเรียบร้อยแล้ว จึงสามารถขอคัดแบบฯ ได้ใหม่ในวันทำการถัดไป
1. คำขอคัดแบบแสดงรายการภาษี ผ่านระบบ e-Filing ที่พิมพ์จากระบบ
2. บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (Passport)
3. กรณีมอบอำนาจ
       3.1 นิติบุคคล
         - หนังสือมอบอำนาจ โดยกรรมการผู้มีอำนาจผูกพันนิติบุคคลลงลายมือชื่อ (ติดอากรแสตมป์10 บาท)และประทับตรานิติบุคคล (ถ้ามี)
         - บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ
       3.2 บุคคลธรรมดา
         - หนังสือมอบอำนาจ โดยผู้เป็นเจ้าของข้อมูลลงลายมือชื่อ (ติดอากรแสตมป์ 10 บาท)
         - บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ
          หมายเหตุ กรณีเจ้าของข้อมูลเป็นต่างด้าวใช้สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport)

อื่นๆ

ระบบจะมีการตัดออกจากระบบ หากไม่ได้ใช้งานเกิน 30 นาที
ระบบไม่มีการเก็บข้อมูลไว้ให้ ดังนั้นผู้เสียภาษีควรกด “บันทึกร่าง” เป็นระยะ ๆ
ระบบรองรับ Windows 7 Service Pack 2 ขึ้นไป
ทำการกดปุ่ม Ctrl + Shift + r เพื่อทำการล้างค่าใน Cache ของ Web Browser
Browser ที่เป็น Chrome, Safari (บนเครื่อง Mac) และ Microsoft Edge
ทีมงานมีการเก็บข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หาก User มีข้อมูลให้ เช่น Version ของเครื่อง Macหรือ Version ของ Safari ที่มีปัญหา ทีมงานก็จะได้นำข้อมูลตรงนี้มาวิเคราะห์เป็นกรณีไป
       1) สำนักงานบัญชีตัวแทนต้องยื่นแบบคำขอเพิ่ม/ลดจำนวนผู้มีหน้าที่เสียภาษีของสำนักงานบัญชีตัวแทน (ต.ท.04) และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ที่กองมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากร กรมสรรพากร เพื่อขอเพิ่มรายลูกค้า หลังจากได้รับอนุมัติแล้ว รายชื่อลูกค้าจะปรากฏในระบบ New e-Filing อัตโนมัติ สำนักงานบัญชีตัวแทน (Tax Agent) ก็จะสามารถยื่นแบบให้ลูกค้าได้
       2) หากไม่แจ้งเพิ่มรายชื่อลูกค้าสำนักงานบัญชีตัวแทน (Tax Agent) จะไม่สามารถยื่นแบบผ่านออนไลน์ให้ลูกค้าในนามสำนักงานบัญชีตัวแทน (Tax Agent) ดังนั้น ลูกค้าต้องยื่นแบบด้วยชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) ในนามของลูกค้าเอง แต่ลูกค้าสามารถแจ้งรายการให้สำนักงานบัญชีตัวแทน (Tax Agent) ชำระได้ ถ้าสำนักงานบัญชีตัวแทน (Tax Agent) รายนั้นเป็นตัวแทนชำระ (Payment Agent) ด้วย