ประกาศความเป็นส่วนตัว

คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

ของระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต กรมสรรพากร

คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) นี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานบริการของกรมสรรพากร (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “กิจกรรมการประมวลผล”) ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลที่กรมสรรพากร ดำเนินการ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลในข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่านเพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผล
กรมสรรพากรในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร จึงมีอำนาจเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีอากรของประชาชน อันเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรของรัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะและรักษาความมั่นคงทางการคลังของรัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่กรมสรรพากร รวบรวมนั้นมีทั้งข้อมูลทางตรงและข้อมูลทางอ้อม เช่น เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน/เลขที่หนังสือเดินทาง คำนำหน้า ชื่อ-นามสกุล (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) วันเดือนปีเกิด สัญชาติ เบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ที่แจ้งไว้ตามแบบแสดงรายการภาษี เพศ เป็นต้น โดยกรมสรรพากรจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลใดขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการดำเนินภารกิจในแต่ละระบบงาน
กรมสรรพากรให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนั้น กรมสรรพากร จะดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ปลอดภัยตามมาตรฐานสูงสุดสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เอกสารนี้เป็นคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ของระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมี กรมสรรพากร เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งจะได้อธิบายให้ท่านทราบถึงว่า ระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างไร ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ของระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ท่านได้อ่านคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ของระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อกำหนด และเงื่อนไขการใช้บริการระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ด้านล่างทั้งหมดด้วยความเข้าใจก่อนการใช้งานระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการเข้าใช้บริการระบบยื่นแบบ แสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ของท่านเป็นการยืนยันว่าท่านเข้าใจและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข การใช้บริการระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งหมดแล้ว
ตามคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) นี้จะใช้คำว่า
“การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ ของระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รวมถึง การเก็บรวมรวม, การใช้, การจัดเก็บ, การเปิดเผย และการลบข้อมูลส่วนบุคคล
“ฐานการประมวลผล” หมายถึง เหตุผลความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพากร
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“ท่าน” หมายถึง ผู้ใช้บริการระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
1. กรมสรรพากรประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง
ระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
  • ข้อมูล ID เช่น เลขประจำตัวประชาชน, เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร, เลขประจำประชาชนคู่สมรส, เลขประจำตัวประชาชนบุตร, เลขประจำตัวประชาชนบิดา-มารดาของผู้มีเงินได้, เลขประจำตัวประชาชนบิดา-มารดาของคู่สมรส, เลขประจำตัวประชาชนผู้พิการและทุพพลภาพ, เลขประจำตัว ผู้เสียภาษีอากรของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี, ชื่อผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี, เลขทะเบียน ผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี, เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ทำบัญชี, รหัสผู้ทำบัญชี, เลขประจำตัวประชาชนของคู่สัญญา, เลขประจำตัวประชาชนของผู้เกี่ยวข้องกับสัญญา เป็นต้น
  • ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ เช่น ที่อยู่, วันที่และเวลาติดต่อ, เบอร์โทรศัพท์, เบอร์โทรศัพท์มือถือ, อีเมล เป็นต้น
  • ข้อมูลประวัติ เช่น สถานภาพ, สัญชาติ, วันเดือนปีเกิด เป็นต้น
  • ข้อมูลอัตลักษณ์ เช่น ชื่อ, ชื่อกลาง, ชื่อสกุล, คำนำหน้า, เพศ, ชื่อผู้ทำบัญชี เป็นต้น
  • ข้อมูล IT เช่น รหัสผ่าน, IP Address และรายละเอียดของเว็บบราวเซอร์ เป็นต้น
2. กรมสรรพากรเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร
ระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใข้งานโดยตรง ผ่านกระบวนการ
  • การสมัครใช้บริการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและบริการอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร และการยื่นแบบแสดงรายการภาษี โดยตรงจากประชาชน
  • การพิสูจน์และยืนยันตัวตนดิจิทัล หรือบริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดิจิทัล จากหน่วยงานรัฐ หรือเอกชน
  • การรวบรวมจากพฤติกรรมการใช้งานโดยใช้เทคโนโลยีตรวจจับเก็บข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีตรวจจับ หรือติดตามพฤติกรรมการใช้งาน
  • การเก็บข้อมูลการใช้งานระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน โดยเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของระบบ และจะลบข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้หลังจากหมด Session การใช้งาน
  • ข้อมูลโดยตรงที่ได้รับจากการใช้บริการระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
3. กรมสรรพากรใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร
กรมสรรพากรใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการทั้งหลายตามวัตถุประสงค์ของการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เกี่ยวข้องกับ ผู้เสียภาษีอากร โดยกรมสรรพากรจะประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในกระบวนการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้สำหรับติดต่อเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับกระบวนการ การจัดทำทะเบียนบัญชีผู้ใช้งานและบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งาน การประมวลผลข้อมูลตามแบบแสดงรายการภาษี การยืนยันตัวบุคคล การปรับปรุงบริการ การวิเคราะห์ข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ตามฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งสรุปได้ดังนี้
4. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
4.1 สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่กรมสรรพากรเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่กรมสรรพากรมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
4.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
4.3 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
4.3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่กรมสรรพากรทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
4.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
4.3.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์กรมสรรพากรได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้กรมสรรพากรเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป เพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
4.3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่กรมสรรพากรกำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมาย ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะอันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่กรมสรรพากรมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพากร
5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นอยู่กับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามการดำเนินภารกิจของกรมสรรพากร ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บ่งชี้ตัวตนทางตรง เช่นเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้นและข้อมูลส่วนบุคคลที่บ่งชี้ตัวตนทางอ้อม เช่นประวัติการศึกษา การอบรม เป็นต้น กรมสรรพากร จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามอำนาจหน้าที่ ของกรมสรรพากร
ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวกรมสรรพากรจะทำการลบ ทำลายเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้เพื่อการใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น การวิเคราะห์ทางสถิติ การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
กรมสรรพากรมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคง ปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของกรมสรรพากร
นอกจากนี้ กรมสรรพากรได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยกรมสรรพากรได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
กรมสรรพากรได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยกรมสรรพากรจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
7. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้กรมสรรพากรอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดีกรมสรรพากรขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศ ฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่กรมสรรพากร
โดยในการเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดหยุดการใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงใช้งานต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว
8. การติดต่อสอบถาม
ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่
สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพากร เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
Website : https://www.rd.go.th/survey/pdpa/
E-mail : email.secretaryrd@rd.go.th